Bipolar Disorder คือ โรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว หรือ ที่เราได้ยินหรือคุ้นเคยกันดีกับ “โรคไบโพลาร์” โดยโรคเกี่ยวกับความผิดปกติทางอารมณ์ ผู้ป่วยจะมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงไปมา ระหว่างอารมณ์ซึมศร้า (Major Depressive Episode) สลับกับอารมณ์ดีมากเกินปกติ (Mania or Hypomania) ซึ่งอาจมีอารมณ์สลับกันไปมาอย่างรวดเร็ว หรืออาจอยู่ในห้วงอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ หรืออาจยาวนานเป็นเดือน
ไบโพลาร์ แบ่งออกเป็นกลุ่มหลัก ๆ ได้แก่
1. Bipolar I disorder คือ มีอาการ mania อย่างเดียว หรืออาจสลับกับซึมเศร้า
2. Bipolar II disorder คือ มีอาการ hypomania สลับกับอาการซึมเศร้า
- Mania คือ อาการคึกรุนแรง หรือ ก้าวร้าวผิดปกติ
- Hypomania คือ อาการคึกน้อย ไม่รุนแรงเท่า mania
เมื่อผู้ป่วยไบโพลาร์ อาการคึก (Mania or Hypomania) มีดังนี้
- มีพลังเยอะ แอ็กทีฟ หรืออาจกระวนกระวายและหงุดหงิดง่าย
- มีอาการคึก รู้สึกมีความสุขแจ่มใสเกิน
- นอนน้อยกว่าปกติมาก โดยไม่มีอาการอ่อนเพลีย และรู้สึกเพียงพอ
- พูดเร็ว พูดมาก พูดเยอะผิดปกติ พูดไม่ยอมหยุด
- เชื่อมั่นในตัวเองสูง รู้สึกว่าตนมีความสำคัญหรือมีความสามารถมาก
- ความคิดแล่นเร็ว มีความคิดหลากหลายในสมอง แต่ก็เปลี่ยนเร็วด้วยเช่นกัน
- เปลี่ยนเรื่องที่สนใจ หรือเปลี่ยนเรื่องพูดได้ไว ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นได้ง่าย
- มีเรื่องให้ทำวุ่นวายไปหมด ทั้งธุระและไม่ใช่ธุระ
- มักจะตัดสินใจพลาด เช่น ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ทำเรื่องเสียงหรือผิดกฏหมาย ไม่ยับยั้งชั่งใจในเรื่องเพศ
เมื่อผู้ป่วยไบโพลาร์ อาการซึมเศร้า (Depress) มีดังนี้
- รู้สึกว่างเปล่า สิ้นหวัง ไร้กำลังใจ ร้องไห้ง่าย
- เบื่ออาหาร กินน้อยลงจนน้ำหนักลด หรืออาจกินเก่งขึ้นผิดปกติ
- นอนไม่หลับ หรือรู้สึกอยากนอนอย่างเดียว ไม่ต้องการทำอะไร
- หมดความสนใจในกิจกรรมที่เคยโปรดปราน
- รู้สีกเหนื่อยล้า ไม่มีพลัง
- กระวนกระวาย หรือทำอะไรเชื่องช้าลงเหมือนคนหมดไฟชีวิต
- ร้องไห้หรือรู้สึกผิดหวังโดยไม่มีเหตุผล
- คิดอะไรไม่ออก สมองว่างเปล่า ไม่มีสมาธิ ตัดสินใจไม่ได้
- รู้สึกตัวเองไร้ค่า
- ทำร้ายตัวเอง หรือ ต้องการฆ่าตัวตาย
ผู้ป่วยไบโพลาร์อาการจะขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่มีรูปแบบแน่นอน สลับสับเปลี่ยนไปมาอาจหมุนเวียนภายในวันเดียวกัน หรือเป็นช่วงเวลาในสัปดาห์ เป็นเดือน หรือเป็นปี จนรอบข้างอาจตามไม่ทัน บางรายอาจมีอาการโรคจิตอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เห็นภาพหรือได้ยินเสียงที่คนอื่นไม่เห็นไม่ได้ยิน หรือมีอารมณ์หงุดหงิด ก้าวร้าวจนถึงขั้นทำร้ายผู้อื่น หรือคิดว่าตนมีความสามารถเหนือมนุษย์ เป็นต้น
ไบโพลาร์ สาเหตุเกิดจากอะไรได้บ้าง
- ความผิดปกติของสมองโดยมีสื่อประสาทไม่สมดุล
- สภาพสิ่งแวดล้อม การเลี้ยงดูในวัยเด็ก
- ความเครียดสะสมในชีวิตประจำวัน
- โรคบางชนิด เช่น ความผิดปกติของไทรอยด์หรือฮอร์โมน โรคลมชัก เนื้องอกในสมอง โรคระบบทางประสาท ติดเชื้อในระบบประสาทส่วนกลาง เป็นต้น
- ผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาโรคบางชนิด เช่น ยาแก้ซึมเศร้า methylphenidate , amphetamine , levodopa หรือ corticosteroid เป็นต้น
- พันธุกรรม ทั้งที่เกิดจากการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษ และพันธุกรรมเกิดใหม่ขณะเป็นทารกในครรภ์มารดา เนื่องจากพบว่า ผู้ป่วยไบโพลาร์ที่มีสมาชิกในครอบครัวป่วยด้วยโรคทางจิตเวชมีโอกาสป่วยเป็นโรคไบโพลาร์ได้มากกว่าคนทั่วไป
โรคไบโพล่า กับ โรคซึมเศร้า เหมือนกันไหม
โรคซึมเศร้า คือ โรคเกี่ยวกับปัญหาทางอารมณ์ตกเพียงด้านเดียวอย่างชัดเจน เมื่อผู้ป่วยมีอาการจะมีภาวะซึมเศร้า หรือแสดงพฤติกรรมหงุดหงิด ซึ่งเป็นอารมณ์ในด้านลบด้านเดียวเท่านั้น ในขณะที่โรคไบโพลาร์จะมีช่วงอารมณ์ขึ้นและตกสลับกันไปมา คือ เมื่ออยู่ในช่วงอารมณ์ตกก็จะเหมือนกับคนที่เป็นโรคซึมเศร้า แต่จะกลับมาอารมณ์ดีมาก ๆ อีกครั้ง แต่ทั้งสองโรคนี้ถูกจัดเป็นให้ “โรคจิตเวช” เหมือนกัน
โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่สร้างความทุกข์ทรมานให้กับผู้ป่วย หมดกำลังใจ ท้อแท้ หมดหวังในชีวิต ส่งผลให้ไม่มีกำลังใจในการมีชีวิต จนเป็นเหตุให้มีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าฆ่าตัวตายเพิ่มมากขึ้นจากทั่วโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยในประเทศไทยพบผู้ป่วยมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าสูง ประมาณ 3 ล้านกว่าคน และคาดว่ามีผู้ป่วยแล้วกว่าเกือบ 2 ล้านคน
ไบโพลาร์ รักษาหายไหม
สำหรับผู้ป่วยไบโพลาร์ส่วนใหญ่จะไม่รู้ตัวว่าป่วย ไม่ได้สังเกตตนเองเพราะคิดว่ายังใช้ชีวิตตามปกติ ดังนั้นใครที่รู้สึกถึงความผิดปกติของคนใกล้ชิดได้เร็ว และพาเข้ารับการรักษาได้เร็วมากเท่าไร มีโอกาสที่จะรักษาหายได้เร็วขึ้น แต่ถ้าปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปมากเท่าไร ยิ่งยากต่อการรักษาให้หายได้เช่นกัน
การรักษาโรคไบโพลาร์
การรักษาโรคอารมณ์แปรปรวน (Bipolar Disorder) มีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจและการวินิจฉัยโรคของแพทย์ เช่น
- การให้คำปรึกษา แนะวิธีการดูแลสุขภาพจิตตนเองเพื่อสามารถใช้ชีวิตและทำกิจกรรมได้ตามปกติ
- การใช้ยาที่ผู้ป่วยต้องใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยควบคุมและรักษาความสมดุลให้กับสื่อประสาทในสมอง
- รับเป็นผู้ป่วยใน พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ส่วนในกรณีผู้ป่วยไบโพลาร์ที่ใช้สารเสพติดยิ่งเป็นปัจจัยทำให้การรักษาโรคอารมณ์แปรปรวนยากขึ้น จึงต้องให้การรักษาตามอาการร่วมกับการบำบัดไปพร้อมกัน
อย่างไรก็ตาม หากรู้สึกว่าตนหรือคนใกล้ตัวกำลังมีความผิดปกติทางอารมณ์หรือการแสดงออกดังกล่าว ควรทำความเข้าใจก่อนว่า เป็นอาการป่วยของโรคชนิดหนึ่งที่ใคร ๆ สามารถเป็นได้ ไม่ใช่เรื่องผิด และไม่ใช่เรื่องน่าอาย และมีโอกาสรักษาหายได้หากได้รับการรักษาที่ถูกต้องในเวลารวดเร็ว ดังนั้นอย่าชะล่าใจ รีบทำการรักษาเพื่อป้องกันการสูญเสียที่ไม่อาจแก้ไขได้อีกเลย ดีกว่านะคะ