หู้วววว ! แค่อ่านหัวข้อก็ร้อนแรง แซ่บซี๊ดแล้วใช่ไหมคะ สำหรับคำว่า Shibari หรือ ชิบาริ ที่บางคนอาจรู้จักและคุ้นหูกันดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะสายรสนิยม BDSM แต่เชื่อว่าหลายคนที่อาจไม่เคยได้ยิน และไม่รู้ว่า ชิบาริ คืออะไร หรืออาจเคยเห็นรูปแบบในหนังมาบ้างและคิดว่ามันเป็นรสนิยมของคนโรคจิต มันอาจถูกมองเป็นอย่างนั้นก็ได้ แต่ที่จริงการมัดเชือกแบบชิบาริสามารถมองได้หลายรูปแบบนอกไปจากรสนิยมทางเพศ
บทความนี้จะมาชวนเพื่อน ๆ ทำความเข้าใจและได้เห็นมุมมองของศาสตร์การมัดชิบาริในรูปแบบอื่น ๆ ที่ไม่ได้มีเพียงแค่การตอบสนองของรสนิยม sex
ทำความรู้จัก ชิบาริ
ชิบาริ คืออะไร
ชิบาริ คือ ศิลปะการมัดเชือกบนเรือนร่างมนุษย์ที่มีประวัติมายาวนานกว่า 800 ปี สะท้อนห้วงอารมณ์แห่งความปรารถนาโดยปราศจากเซ็กส์ แต่สามารถตอบสนองและให้ความสุขแก่ผู้ถูกพันธนาการด้วยเชือก หรือผู้ที่ได้เห็นคนถูกเชือกมัด โดยเงื่อนปมที่มัดนั้นจะมีความเป็นระเบียบแบบแผนสไตล์คนญี่ปุ่น ทำให้ shibari ขยายขอบเขตกลายเป็นงานศิลปะที่มากกวาวงจำกัดแค่ในเรื่องเพศอีกต่อไป
ประวัติการกำเนิดชิบาริ
การใช้เชือกพันธนาการแบบชิบาริ มีมาตั้งแต่ในสมัยเอโดะ (1600 – 1867) จนถึงสมัยเมจิ (1868 – 1912) ของประเทศญี่ปุ่น โดยในอดีต ชิบาริ คือ การใช้เชือกมัดนักโทษ คินบาคุ เพื่อจับกุม เคลื่อนย้าย รวมไปถึงการทรมาน โดยนักโทษมีทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยการมัดจะมีรูปแบบที่แน่นหนาแต่ประณีตและบรรจงตามแบบฉบับของคนญี่ปุ่น เพื่อป้องกันการหลบหนีของนักโทษ จากนั้นก็ได้มีการพัฒนานำมาใช้ในศิลปะการต่อสู้และป้องกันตัว จนยุคต่อมาก็ได้เป็นส่วนหนึ่งในแวดวงศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นด้านวรรณกรรม งานไม้แกะสลัก ภาพวาด ภาพถ่าย หรือในฉากที่มีการทรมานและเพศสัมพันธ์ของละครคาบูกิ ซึ่งในอดีต การพันธนาการ หมายถึง ผู้ถูกกระทำและผู้กระทำ โดยส่วนใหญ่ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายถูกกระทำและโดนกดขี่ทางเพศจนนำไปสู่รสนิยมทางเพศแบบ BDSM ซึ่งย่อมาจาก
B – bondage : ความเป็นทาส
D – discipline , dominance : การลงโทษ , การแสดงอำนาจ (ผู้ควบคุม)
S – submission , sadism : ความสุขที่เกิดจากการทำให้ผู้อื่นเจ็บปวด
M – masochism : ความสุขจากการถูกกระทำให้เจ็บปวด , มีความสุขจากการเจ็บปวด (ทาส)
ชิบาริ พันธนาการที่ไร้ขอบเขตในยุคปัจจุบัน
ในยุคปัจจุบัน การมัด shibari ไม่ได้ใช้ในการตอบสนอง sex เท่านั้น แต่ได้นำมาผสมผสานได้หลากหลาย ทั้งในแง่ของด้านศิลปะ การแสดง ความคิดสร้างสรรค์ การบำบัด และความอิสระทางจิตวิญญาณ ที่สามารถช่วยให้เรามีสมาธิอยู่กับตัวเองจากการถูกพันธนาการ รู้สึกนิ่ง สงบ และปล่อยวาง ซึ่งขัดจากภาพลักษณ์ที่ให้ความรู้สึกรุนแรงและเป็นการแสดงออกทางรสเพศนิยม
ชิบาริ กับปรัชญาแอบซ่อน
เมื่อชิบาริถูกขยายคำจัดความและรูปแบบในการนำไปปรับใช้ ทำให้ผู้ที่สนใจศาสตร์การมัดเชือกศึกษาอย่างจริงจัง และค้นพบว่าภายใต้การถูกพันธนาการชิบาริ มีปรัชญาซ่อนเร้นที่ถูกคนส่วนใหญ่มองข้าม เพราะคิดว่ามันคือความรุนแรงของการแสดงออกทางเพศเท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์การมัดเชือก ทาเทียน่า เทเรชเชงโก ชาวยูเครน เจ้าของเพจ Soul Shibari เรียนจบด้านจิตวิทยา และยังเป็นศิลปินชิบาริมากว่า 10 ปี จากที่เคยมีความสัมพันธ์ที่เลวร้าย จนก้าวสู่ความสัมพันธ์แบบ BDSM และพบว่าความก้าวร้าวในจิตใจของเธอได้หาย ทำให้เธอศึกษาชิบาริอย่างจริงจัง จนสามารถคิดค้นการมัดเชือกสไตล์ต่าง ๆ เพื่อนำมาปรับใช้ในการบำบัดทางด้านอารมณ์และจิตใจของผู้คน
ทาเทียน่าเปิดคลาสเพื่อให้ผู้คนที่สนใจได้เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์กช็อป ซึ่งได้รับการตอบรับและมีผู้คนหลายสัญชาติเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในนั้น มีคนไทยด้วยเช่นกัน ซึ่งหนึ่งในคนไทยที่เข้าร่วมเวิร์กช็อปกับทาเทียน่า กล่าวว่า เธอรู้สึกสงบและปล่อยวางในขณะที่ถูกมัด เพราะได้ถ่ายเทอำนาจให้กับผู้มัดเชือกได้ควบคุมเธอในช่วงเวลาหนึ่ง และยังได้เรียนรู้ถึงสิทธิของตัวเองในการถูกกระทำไปด้วยในเวลาเดียวกัน ทำให้เธอสนใจทีจะเรียนรู้ให้ลึกซึ้งในศาสตร์ของการมัดชิบาริ เพื่อนำมาเปิดคลาสในเมืองไทย เพราะเชื่อว่ามีคนไทยอีกจำนวนมากที่ต้องการถูกปลดปล่อย แต่ด้วยข้อจำกัดบนทัดฐานของสังคม ที่มักจะมีแต่ข้อห้าม จนหลงลืมที่จะรักตนเองและเคารพความเป็นตัวตน รวมถึงเส้นทางที่ต้องการที่แท้จริง เธอรู้สึกว่า ชิบาริสอนให้เธอรู้จักความต้องการของตัวเองมากขึ้น และเคารพตัวเธอมากกว่าเดิม
นอกจากนี้ ทาเทียน่ายังได้กล่าวอีกว่า ชิบาริเป็นศาสตร์แห่งศิลปะ แต่ก็มีอันตรายในเวลาเดียวกัน มันมีความลึกล้ำยิ่งกว่าความเจ็บปวดที่งดงาม และเป็นมากกว่าเพียงแค่เครื่องมือ sex แต่ ชิบาริ คือ การดูแลสุขภาพจิตตนเองด้วยการสื่อสารกับร่างกาย จิตใจ และความทรงจำ ต้องใช้เวลาในการศึกษาให้เข้าใจ และเมื่อไรที่เราค้นพบแก่นแท้ของมัน เราจะสามารถนำชิบาริไปพัฒนาในการค้นพบความต้องการลึก ๆ ของผู้คน และช่วยบำบัดเพื่อรักษาคนอื่นหรือตัวเราเองได้
เห็นได้ว่า การมัด ชิบาริ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ในแง่ของ sex เท่านั้น แต่มีหลายมุมมองและหลากรูปแบบในการนำไปใช้ และเป็นประโยชน์ได้มากกว่าเพียงแค่เครื่องมือรสนิยมทางเพศ